วิชาจิตตปัญญา:
ศาสตร์ในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ในสังคม
ปีการศึกษา
2558 ภาคเรียนที่ 3 สำนักวิชาศึกษาทั่วไป สำนักวิชาศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้เริ่มเปิดสอนรายวิชาจิตตปัญญาเป็นวิชาเลือกเสรี
เพื่อมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตพึงประสงค์ในสังคมไทยและสังคมโลก
และดำเนินการเปิดสอนรายวิชานี้อย่างต่อเนื่องในปีการศึกษา 2559 ภาคเรียนที่ 1 ซึ่งในแต่ละภาคเรียนนั้นมีนักศึกษาสนใจลงทะเบียนเรียน
ภาคเรียนละ 100 คน
สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลการเรียนรู้ของนักศึกษาจากกระบวนการนี้
ได้รวบรวมจากนักศึกษาจำนวน 200 คนที่เรียนรายวิชานี้ในภาคเรียนที่
3 ปีการศึกษา 2558 และภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2559 มีนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชานี้มาจาก6
สำนักวิชา ดังนี้ สำนักวิชาการจัดการ
สำนักวิชาสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร
สำนักวิชาศิลปศาสตร์ สำนักวิชาสารสนเทศศาสตร์ สำนักวิชาวิศวกรรมและทรัพยากร
ซึ่งนักศึกษาเหล่านี้มีพื้นฐานแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตรและสำนักวิชา ภูมิลำเนา
ศาสนา เป็นต้น จากสภาพความแตกต่างที่มาอยู่ร่วมกันนี้ทำให้
นักศึกษาเหล่านี้ต้องเผชิญกับสภาวะความเครียดและปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ปัญหาการปรับตัว ไม่ว่าจะเพื่อนที่อยู่ห้อง/หอเดียวกัน เพื่อนร่วมสำนักวิชา
รวมถึงครอบครัว จึงการเก็บความคิด/ความรู้สึกไว้ภายใน การไม่ไว้วางใจผู้คนรอบข้าง
การแข่งขันสูง เป็นต้น
เมื่อนำกระบวนการจิตตปัญญาเข้ามาใช้ในห้องเรียน
โดยเน้นจัดกระบวนการเรียนรู้โดยใช้สุนทรียะสนทนา
เป็นเครื่องมือให้นักศึกษาได้มีโอกาสพูดและฟังซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง
กระบวนการนี้ให้นักศึกษาจับคู่กับเพื่อนและสลับกันเล่าเรื่องชีวิตวัยเด็กให้กันและกัน
และเพิ่มเป็น 4 คน
จากนั้นให้แต่ละคนได้เล่าความประทับใจจากการฟังเรื่องราวของเพื่อนและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวัยเด็กของเพื่อน
จากนั้นเปลี่ยนเป็นกลุ่มใหญ่เล่าเรื่องราวที่ตนเองอึดอัดขัดใจ
หรือขัดแย้งไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน พบว่า นักศึกษาร้อยละ 80
จากจำนวนนักศึกษาที่ลงวิชานี้ทั้ง 2 ภาคเรียน 200 คน
ได้สะท้อนความประทับใจและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวของเพื่อนที่หลากหลาย
โดยเฉพาะประเด็น ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ตัวเองเท่านั้น ยังมีคนอื่น ๆ
อีกมากมายที่ต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ นานาและแสนสาหัสมากว่าตนเอง
ทำให้มองว่าปัญหาของตนเองเล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับปัญหาที่เพื่อน ๆ ได้เผชิญมาก
นอกจากนี้สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ
มิตรภาพและพื้นที่ความปลอดภัยที่สามารถช่วยกันสร้างขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่นักศึกษาแต่ละคนได้สะท้อนจากการเรียนรู้ชุมชนเล็ก
ๆ ของพวกเขาก็คือ “การปลดปล่อยพันธนาการของตนเอง”
ความรู้สึกโล่งใจ โปร่งสบายและคลายเครียด พร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ ๆ
ที่เข้ามาในชีวิตได้ต่อไป
ดังนั้นความพยายามแก้ปัญหาสังคมเชิงระบบจะไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้ หากปราศจากรากฐานที่สำคัญคือ
ชีวิตที่ผ่อนคลายและชุมชนแห่งการเรียนรู้
อันเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ที่มีต่อการทำงานกับสังคม
การแก้ปัญหาเชิงระบบภายใต้กระบวนทัศน์เก่า ส่งผลให้ชีวิตเกิดความตึงเครียด
ทำลายความสัมพันธ์ของคนในชุมชน
สองส่วนนี้ย่อมขัดแย้งโดยตรงต่อแนวทางชุมชนแห่งการเรียนรู้
คำสำคัญ (Keywords) จิตตปัญญาศึกษา
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ พื้นที่ความปลอดภัย
เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอในการประชุมวิชาการระดับชาติ
“การเรียนรู้เชิงรุก” ครั้งที่ 5 (The 5th Active Learning National Conference 2017)